![]() |
![]() |
มีบทความดีๆให้อ่านครับ
==ดอก 0% ==
ผมคิดว่า วันนี้เป็นวันประวัติศาสตร์ เป็นวันที่ทำให้คนไทยจำนวนมาก ตกใจกับคำว่าดอกเบี้ย "0%" ผมฟังข่าวนี้ ตอนอยู่ที่สภากาชาดไทยตอนเที่ยง ที่ห้อง เขาเปิดช่อง 3 แช่ไว้ คุณบัญชา ชุมชัยเวทย์ อ่านข่าวนี้แบบสุดยอดอีโมชั่น ... ขอสารภาพว่าชอบมาก . -------------------------- ท่านผู้ชมครับ ! . นี่คือ ครั้งแรก!!! ของประเทศไทย นี่คือ ครั้งแรก!!! ของวงการธนาคารไทย . ไทยเรามีดอกฝาก 0% แล้วครับบบบบบ -------------------------- . ขอบอกว่า มีคนร้อง "เฮ้ยย" ออกมาด้วย พอช่วงบ่ายแก่ๆ ทางแบงค์ค่ายนึงต้องรีบกลับลำอย่างด่วน กลับมาให้มีดอกเบี้ยเงินฝาก 0.125% เหมือนเดิม . . _____________________________ . . ทุกท่านครับ ลองคิดตามดีๆนะครับ ดอกเบี้ย 0.125% กับ 0% สำหรับผมแล้ว มันแปะเอี่ย เซมๆ เพราะ 1. อย่าลืมว่า ดอกเบี้ย 0.125% ยังต้องโดนภาษีบนดอกเบี้ยเงินฝากอีกนะครับ ... ทำให้อัตราที่แท้จริงมันต่ำเตี้ยเรี่ยพื้นเข้าไปอีก 2. ต่อให้ท่านฝากเงินสด 1 ล้านบาท ... ดอกเบี้ย 0.125% ให้ดอกผลแก่ท่าน 1,250 บาทต่อปี ... คิดเป็น 104 บาทต่อเดือน!!! อนิจจา ยังไม่พอซื้อ "ตาบั๊ค แฟรปปูชิโน่" แก้วนึงเลยครับ ดอกนิดเดียวแค่นี้ ไม่สามารถสร้างความแตกต่างให้ wealth ได้ ...ไม่สามารถพึ่งพาเป็นดอกผลเพื่อการดำรงชีวิตใดๆได้ ... . คำว่านอนกินดอก มันจบจริงๆแล้วครับนาย ณ จุดๆนี้ มีคนจำนวนมากตาสว่างครับ ผู้คนจำนวนมาก ถามว่า...แล้วจะให้กรูทำยังไง? . . เอาละ ผมไม่แตะประเด็นดราม่าธนาคารอะไร แต่อยากวิเคราะห์ว่า ตอนนี้สถานการณ์มันเป็นอย่างไร และ อนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ผมมีความเห็นส่วนตัวดังนี้ . ===== ตอนนี้ ===== . 1. ไทยเรา การลงทุนภาคเอกชนยังไม่ดี ... ส่งออกไม่ดี... นำเข้าก็ไม่ดี (เพราะส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าสินค้าทุน)... แบบนี้ เงินจะล้นระบบ 2. ผู้คนไม่กล้าใช้เงิน ไม่กล้าซื้อของก้อนใหญ่ เพราะกลัวเศรษฐกิจไม่ดี การขับเคลื่อน domestic consumption ค่อนข้างยาก...แบบนี้เงินจะล้นระบบ 3. ธนาคาารไม่กล้าปล่อยกู้ เพราะกลัว NPL ลองดู Loan Growth ของแต่ละแบงค์ ...แทบไม่มีมาตั้งแต่ 2014 แล้ว ... แบบนี้เงินจะล้นระบบ ============ อนาคต ขอมโนว่า ============ . 1. สุดท้ายแบงค์ไทยคงจะลดดอกเบี้ยฝากเหลือ 0% จริงๆ ครับ คราวนี้คงไม่มีใครกล้าเปรี้ยวนำ ลดคนเดียว แต่ต้องลดดอกกันเป็นทีมทุกธนาคาร ทุกสี แบบอเวนเจอร์ ...เพื่อลดต้นทุนเงินที่ล้นระบบอยู่ . 2. คนไทยจะถึงจุดที่ถูก(กึ่ง)บังคับ ให้ต้องลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอื่น เช่น ตราสารหนี้เอกชน กองทุนอสังหาฯ กองทุนอินฟราฯ หุ้นพื้นฐานดี ... ซึ่งที่สุดแล้ว เงินจำนวนมากควรจะไหลไปที่ "กองทุน" มากขึ้น และสุดท้าย่จะไหลไปที่หุ้นมากขึ้น (กองทุนนำเงินมาซื้อ) การลงทุนในหุ้น จะเป็นทักษะที่จำเป็นของมนุษย์เศรษฐกิจยุคใหม่ ที่ไม่ได้มีแต่กลุ่ม "หวังรวย" อย่างเดียว...แต่มีกลุ่ม "หวังรอด" เข้ามาสมทบอีกมาก . 3. คนไทยจะมีมุมมองเป็นบวกกับประกันชีวิตมากขึ้น มองเป็นความจำเป็นมากขึ้น โดยเฉพาะในแง่การออมระยะยาวพร้อมความคุ้มครอง ยิ่งเข้าสู่สังคมสูงวัย คนไทยจะยิ่งมองการออมผ่านประกันชีวิตแบบบำนาญมากขึ้น ซึ่งไม่แปลกครับ ญี่ปุ่นเขาแก่ก่อนเรา ... คนญี่ปุ่นถึงมีอัตราการถือกรมธรรม์ที่สูงมากกก มากเป็น 3 เท่าของคนไทย . 4 ถ้าเหตุการณ์ดอกเบี้ยต่ำ โดนซ้ำด้วยค่าธรรมเนียมฝาก/ถอนที่สาขาแบบในยุโรปและญี่ปุ่น . . ตู้เซฟจะขายดีครับ ____________________________________ . สุดท้าย ขอฝากหลักสูตรการเงิน ที่เพื่อนต่างชาติเขาเล่าว่า ลูกเขาได้เรียน และผมคิดว่า คนไทยก็ต้องเดินตาม 4 หลักสูตรนี้ คือ . ออมเงิน..ให้ได้ ใช้เงิน..ให้เป็น หาเงิน..ให้เก่ง ต่อเงิน..ให้งอกเงย ทำได้ครบ 4 อย่าง ไม่ใช่แค่รอด...แต่รวยได้เลย ขอบคุณข้อมูลดีๆ จากสมาชิกหมายเลข 3216927 pantip.com